กสอ.อัดงบกว่า 85 ล้าน ดัน 16 โครงการ หนุน ผปก.เกษตรไทย เน้นยังต้องเดินด้วยเทคโนฯ – นวัตกรรม
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชี้อุตสาหกรรมเกษตรต้องปรับกระบวนการไปสู่การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในระดับที่เข้มข้นขึ้น เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมการบริโภคที่คาดว่าจะเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมในการยืดอายุของผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมในการลดต้นทุน ระบบออโตเมชั่นลดระยะเวลาการทำงานในกระบวนการต่าง ๆ การใช้บิ๊กดาต้าเพื่อนำข้อมูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยยังได้เผยถึง 5 อุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและเกษตรแปรรูปที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีและเป็นที่ต้องการของตลาดในปี 2562 ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่เน้นเทรนด์การรักสุขภาพและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่ผลิตมาจากผลไม้เมืองร้อน อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปเพื่อสุขภาพที่ไม่ใช่อาหาร ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการเกษตร และชุมชนท่องเที่ยวทางการเกษตร ทั้งนี้ ในปี 2562 ยังได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและเกษตรแปรรูปไว้กว่า 85 ล้านบาท โดยมีกิจกรรมส่งเสริมหลากหลายรูปแบบภายใต้ 16 โครงการ อาทิ การพัฒนาระบบมาตรฐานสากลหรือ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ในสถานประกอบการ กิจกรรมพัฒนาคุณภาพด้วยมาตรฐานสารสกัด ซึ่งได้ตั้งเป้าให้ผู้ประกอบการเกิดการพัฒนาในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ไม่น้อยกว่า 800 กิจการ จำนวน 650 คน
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปีถัดไปคาดว่าผลผลิตทางการเกษตรจะยังเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้การทำเกษตรกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องต้องปรับกระบวนการไปสู่การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในระดับที่เข้มข้น เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมการบริโภค การดำเนินชีวิต รวมถึงการเพิ่มมูลค่าผลผลิตตั้งแต่ในระดับต้นน้ำ – ปลายน้ำ ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ตามกระแสดังกล่าว ทั้งในเรื่องของการปรับแนวคิด การเปลี่ยนรูปแบบการผลิตจาก “สินค้าโภคภัณฑ์” ไปสู่ “สินค้านวัตกรรม”การกำหนดช่องทางตลาดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ต้องการ นอกจากนี้ จากการเติบโตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ยังถือเป็นโอกาสที่สำคัญที่จะช่วยผลักดันการพัฒนาธุรกิจแนวคิดใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและเกษตรแปรรูป ที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีและเป็นที่ต้องการของตลาดในปี 2562 นั้น ประกอบด้วย
1. อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่เน้
2. อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่ผลิตมาจากผลไม้เมืองร้อน เนื่องด้วยความนิยมในการเลือกบริโภคของชาวไทยและชาวต่างชาติที่เพิ่มปริมาณมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนโยบายในการส่งเสริมผลิตผลทางการเกษตรประเภทดังกล่าวของรัฐบาล ที่คาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำ – ปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้สด เช่น ทุเรียน มังคุด สับปะรด รวมทั้ง ผลไม้กระป๋อง ผลไม้อบแห้ง เครื่องดื่มหรือขนมขบเคี้ยวที่มีผลไม้เมืองร้อนเป็นส่วนผสม ซึ่งการเติบโตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นยังมีอานิสงส์ มาจากจำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีน ญี่ปุ่น ยุโรป และกลุ่มอาเซียนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
3. อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปเพื่อสุ
4. ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการเกษตร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลั
5. ชุมชนท่องเที่ยวทางการเกษตร จากรูปแบบการท่องเที่ยวที่
นายกอบชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมการเกษตรนำมาซึ่งความท้าทายอีกหลายประการที่ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญ ดังนั้น การปรับตัวและการปรับเปลี่ยนกระบวนการจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของนวัตกรรมที่จะต้องเน้นให้เกิดขึ้นอย่างหลากหลาย ทั้งนวัตกรรมในการยืดอายุของผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมในการลดต้นทุน เช่น โลจิสติกส์ การลดของเสีย สินค้าคงคลัง ระบบออโตเมชั่น ลดระยะเวลาการทำงานในกระบวนการต่าง ๆ การใช้บิ๊กดาต้าเพื่อนำข้อมูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้น เทคโนโลยีเครื่องจักรกลที่ต้องมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนวัตกรรมที่เปลี่ยนจากเกษตรเคมีมาเป็นเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ในปี 2562 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและเกษตรแปรรูปไว้กว่า 85 ล้านบาท โดยมีกิจกรรมส่งเสริมหลากหลายรูปแบบภายใต้ 16 โครงการ อาทิ การพัฒนาระบบมาตรฐานสากลหรือผลิตภาพในสถานประกอบการ การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยการนำความรู้ทางเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำไปสู่ การผลิตเชิงพาณิชย์ กิจกรรมพัฒนาคุณภาพด้วยมาตรฐานสารสกัด ซึ่งได้ตั้งเป้าให้ผู้ประกอบการเกิดการพัฒนา ในด้านต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 800 กิจการ จำนวน 650 คน
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 022024414 – 17 หรือ เข้าไปที่ www.dip.go.th