เป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่ทำเพื่อสังคมและปลูกจิตสำนึกคนในชุมชนริมน้ำได้รู้ถึงคุณค่าทรัพยากรของแม่น้ำลำคลอง สำหรับ “คลีนคลอง (Clean klong)” ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มีความตั้งใจให้เป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของงาน “River Festival 2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” ถือเป็นโครงการต้นแบบของชุมชนริมน้ำ ที่จะร่วมกันอนุรักษ์สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ ให้กลับมามีทัศนียภาพสวยงาม และมีสายน้ำ ที่ใสสะอาดเช่นเดิมอย่างยั่งยืน
ล่าสุดได้มีการจัดกิจกรรมโดยมีชาวบ้านในชุมชนริมน้ำที่มีจิตอาสา กำลังพลจากกองทัพเรือ กลุ่มพนักงานจิตอาสาของไทยเบฟ และ เยาวชนโครงการ Beta Young Entrepreneurรวมทั้งหมดกว่า 100 ชีวิต ได้นัดพบรวมตัวกันที่ลานมะขามบ้านหม้อ ชุมชนวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร สำหรับบรรยากาศตลอดการทำความสะอาดเป็นไปอย่างคึกคัก เหล่าจิตอาสาทุกคนล้วนขันแข็งร่วมกันเก็บขยะ ทำความสะอาด และบำบัดน้ำเสียในคลองในชุมชนโดยใช้น้ำยา EM และ EM ball ที่สนับสนุนโดยบริษัท เฟื่องฟูอนันต์ จ.ปราจีนบุรี
งานนี้จิตสาอา “น้องปก-ศุภโชค ผึ่งผดุง” อายุ 20 ปี ชั้นปี 2 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หนึ่งในเยาวชนโครงการ Beta Young เผยความรู้สึกว่า “ผมเป็นเยาวชนที่อยู่ในโครงการBeta Young ซึ่งเป็นหลักสูตรผู้ประกอบการเพื่อสังคม นอกจากเราจะประกอบธุรกิจแล้วเราก็ต้องรู้จักแบ่งปันคืนประโยชน์สู่สังคมด้วย สำหรับกิจกรรมคลีนคลองถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าร่วมครับ ทำให้เห็นถึงพลังจิตอาสาของคนที่เข้ามาทำกิจกรรม ประโยชน์ของกิจกรรมนี้สำหรับผมคือเป็นการช่วยฟื้นฟูคลองหลังจากคืนวันลอยกระทงให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม อยากให้มีกิจกรรมคลีนคลองต่อเนื่องไปทุกปี เพราะเป็นกิจกรรมที่ช่วยปรับทัศนียภาพโดยรอบชุมชนให้สะอาด และมีความน่าอยู่ อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝั่งให้คนไทยโดยเฉพาะคนในชุมชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ ได้หันมาตระหนัก รู้คุณค่าทรัพยากรของแม่น้ำลำคลอง”
ต่อด้วยความรู้สึกของตัวแทนชุมชนที่มีต่อโครงการฯ นี้ “คุณสมโภชน์ สูงโพธิ์” ประธานชุมชนข้างโรงเรียนพาณิชยการราชดำเนิน กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว ที่ทางไทยเบฟร่วมกับชาวบ้านในชุมชนและจิตอาสาได้เข้ามาทำกิจกรรมคลีนคลอง เพื่อช่วยกันทำความสะอาดคลอง เก็บขยะที่อยู่ในคลอง โดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในชุมชนเป็นอย่างดี ออกมาร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อให้คลองในชุมชนสะอาด น่ามอง ซึ่งบริเวณนี้อยู่ใกล้กับประตูระบายน้ำ จึงมักเกิดปัญหา เมื่อเปิดประตูระบายน้ำ เศษขยะก็จะไหลเข้ามาด้วย จึงต้องหมั่นช่วยกันดูแลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในฐานะประธานชุมชนก็อยากขอบคุณทางไทยเบฟ และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ที่ให้ความสำคัญกับชุมชน และเข้ามาช่วยทำความสะอาดคลองที่เป็นวิถีชีวิตผูกพันกับชาวบ้านมามากกว่า 40 ปี และอยากจะให้มีกิจกรรมแบบนี้ต่อเนื่องทุกปี เพื่อช่วยกันปลูกฝังให้ชาวบ้านในชุมชนช่วยกันดูแลแม่น้ำลำคลองให้ใสสะอาด” คุณสมโภชน์ กล่าวด้วยความปลาบปลื้มใจ
ทางด้าน “คุณสุรพล เศวตเศรนี” ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “โครงการคลีนคลอง คือกิจกรรมหลักอันหนึ่งภายใต้งานriver festival 2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย โดยกิจกรรมนี้นอกจากเราจะมีการทำกิจกรรมเฉลิมฉลอง ไหว้พระเป็นสิริมงคลตามความเชื่อ รวมไปถึงการขอขมาพระแม่คงคาด้วยการลอยกระทงแล้ว เรายังทำตามคติที่ว่าเราต้องดูแลรักษาแม่น้ำลำคลองด้วย เพราะฉะนั้นจึงเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างไทยเบฟ หน่วยงานภาคีทั้งหลาย ทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ โดยได้รับความสนับสนุนจากทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น และที่สำคัญ คือ กรุงเทพมหานคร และกองทัพเรือ ที่ร่วมสนับสนุนทั้งเจ้าหน้าที่ และเครื่องมือต่างๆ นอกจากนี้ยังมีชุมชนที่เข้ามาร่วมกัน ในทุกๆปีเราจะเลือกพื้นที่หลังจากที่เราลอยกระทงแล้ว ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าจะมีกระทง เศษวัสดุ และขยะที่ลอยอยู่เกลือนในแม่น้ำลำคลอง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกับคูคลอง ทำให้น้ำไหลเวียนไม่สะดวก จึงมีแนวคิดว่าเมื่อเราลอยกระทง ซึ่งเป็นการขอขมาพระแม่คงคาแล้ว ก็ต้องช่วยกันดูแลชุมชนด้วยที่มีผลกระทบด้วย เพราะฉะนั้นหลังจากคืนวันลอยกระทง วันรุ่งขึ้นเราก็จะรวบรวมจิตอาสา อาสาสมัครในชุมชนต่างๆ มาช่วยกันคลีนคลอง เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และรักษาสิ่งแวดล้อม และสิ่งสำคัญที่เราทราบกันดีว่า เสน่ห์ของประเทศไทยคือเรื่องแม่น้ำลำคลอง เป็นวิถีชีวิตของผู้คนที่ผูกพันกับสายน้ำ เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาด้วย วิถีชีวิตและคุณภาพชีวิตต่างๆ ก็จะเกี่ยวกับแม่น้ำลำคลอง เพราะฉะนั้นไทยเบฟจึงตระหนักถึงความสำคัญ จึงพยายามที่จะสร้างกิจกรรมที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม จริงๆแล้วนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติถ้าสนใจ ถ้าทราบข่าว ก็อยากเชิญชวนให้มาร่วมกัน เพื่อจะได้มีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับชุมชนด้วย และจะทำต่อเนื่องไป โดยเราจะเลือกพื้นที่ในแต่ละปีสลับกันไป”