ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย เผยภาพรวมแนวโน้มตลาดความงามโลกปี 2567 ที่ยังคงคึกคักและส่งสัญญาณบวกอย่างต่อเนื่อง พร้อมสรุปผลประกอบการทั่วโลกของลอรีอัลกรุ๊ปในปี 2566 ที่มีอัตราการเติบโตสููงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 20 ปีที่ 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยยอดขายรวมมูลค่า 4.118 หมื่นล้านยูโร[1] คงตำแหน่งบริษัทความงามอันดับ 1  ของโลก พร้อมมุ่งขับเคลื่อนลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ One L’Oréal ในการพัฒนาทีมงานเพื่อสร้างแบรนด์ความงามต่างๆ ในเครือให้ครองใจผู้บริโภค เดินหน้าภารกิจด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายพันธสัญญาด้านความยั่งยืน “L’Oréal for the Future”

ในปี 2566 ที่ผ่านมา ตลาดความงามทั่วโลกเติบโตต่อเนื่องที่ 8% โดยลอรีอัล กรุ๊ป เติบโตในอัตราเลขสองหลักเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน 1 สำหรับในประเทศไทย ภาพรวมตลาดความงามและ personal care มีการเติบโตอยู่ที่ 12% ด้วยมูลค่าสูงถึง 2.85 แสนล้านบาทโดยเมื่อดูเฉพาะส่วนความงาม กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นตลาดใหญ่ที่สุดมีมูลค่าที่ 1.13 แสนล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มูลค่า 3.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มเมคอัพยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องด้วยมูลค่าตลาดที่ 2.27 หมื่นล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมมีมูลค่าสูงถึง 1.02 หมื่นล้านบาท ซึ่งลอรีอัล ประเทศไทย นับเป็นหนึ่งในตลาดหลักของภูมิภาค SAPMENA (เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และ แอฟริกาเหนือ) ที่ยังสามารถคงอัตราการเติบโตสองหลักเหนือตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภูมิภาค SAPMENA เติบโตที่ 23.2%

เพื่อผลักดันตลาดความงาม ในประเทศไทย ที่มีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอ 15 แบรนด์ ครอบคลุม เมียนมา ลาว และกัมพูชา บริษัทฯ จึงได้นำกลยุทธ์ One L’Oréal ที่มุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรทั้งด้านบุคลากร ด้านธุรกิจ และ ด้านความยั่งยืน ให้ทุกกลุ่มธุรกิจและแผนกส่วนกลางได้มุ่งพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างการเติบโตในตลาดความงามอย่างยั่งยืน

  • People 1st ให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับแรก สร้างความเข้มแข็งและคุณภาพ พัฒนาความเป็นผู้นำทีมและการทำงานร่วมกันให้กับบุคลากรในทุกระดับ สร้างเส้นทางการเติบโตตามความสนใจ รวมถึงสร้างสิ่งแวดล้อมและวิถีการทำงานที่ส่งเสริมให้พนักงานได้ทำงานอย่างมีความสุขพร้อมได้รับการดูแลที่ดีจากบริษัท
  • #1 Beauty Company มุ่งการสร้างแบรนด์ให้ครองใจผู้บริโภค ชูความเชี่ยวชาญในด้านงานวิจัย และดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการมอบประสบการณ์สอดรับกับความต้องการที่หลากหลาย สร้างโอกาสในการเติบโตเชิงกลยุทธ์ด้วยพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำการตลาดอย่างมีกลยุทธ์ที่ครอบคลุม
  • One Loved Company ขับเคลื่อนองค์กรในการทำงานสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างมีเป้าหมายทั้งในระดับแบรนด์และองค์กรควบคู่กับด้านธุรกิจ ตามพันธกิจความยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำหรับปี 2030 เน้นย้ำภาพลักษณ์องค์กรในบิวตี้เทค และดำเนินงานอย่างมีวิสัยทัศน์และ Sense of Purpose ในการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก
  • F1t for the Future ผลักดันให้องค์กรและพนักงานมีความพร้อมและพัฒนาทักษะเพื่อรับอนาคต มุ่งใช้ data และ AI ในกระบวนการทำงานเพื่อประสิทธิภาพเพื่อการวิเคราะห์และความฉับไว รวมถึงสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทผู้นำด้านเทคโนโลยีความงาม
ลอรีอัล

นายแพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา กล่าวว่า “ปี 2566 เป็นอีกหนึ่งปีทองของตลาดความงามที่คึกคักและเต็มไปด้วยการแข่งขันสูง ซึ่งลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทยยังคงขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นผู้นำในตลาดความงามในหลายเซกเมนต์ได้อย่างประสบความสำเร็จ ท่ามกลางความท้าทายจากคู่แข่งที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมายและผู้บริโภคที่มีความสนใจในความงามที่แตกต่างและหลายหลายรูปแบบ ภายใต้กลยุทธ์ One L’Oréal ลอรีอัลจะคงการผลักดันทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว กลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ ให้ผ่านการจุดกระแสนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดออนไลน์และออฟไลน์ในทุกเซกเมนต์ โดยลอรีอัลตระหนักดีว่าการจะบรรลุความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนจำต้องมีทีมงานที่เข้มแข็ง ลอรีอัล กรุ๊ป จึงมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรรอบด้าน เสริมสร้างศักยภาพและการมีส่วนร่วมของพนักงานในองค์กร รวมถึงนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานและยกระดับสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน เพื่อส่งเสริมให้ทีมงานได้สร้างสรรค์ผลงานอย่างมีประสิทธิภาพพร้อมมีความสุขในการทำงาน” 

นอกจากนี้ ลอรีอัล กรุ๊ป ยังตระหนักถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินธุรกิจเพื่อสานต่อพันธสัญญาด้านความยั่งยืน “L’Oréal for the Future” ทั้งนี้ ในปี 2567 ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทยมีเป้าหมายลดการทำลายสินค้า ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ และดำเนินงานด้านสังคมอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย ดำเนินโครงการเพื่อมุ่งสร้างอาชีพให้แก่สตรี โดยได้พัฒนาทักษะอาชีพช่างผมให้สตรีไทยแล้วกว่า 100 คนในโครงการ BEAUTY FOR A BETTER LIFE ช่วยให้กลุ่มผู้ด้อยโอกาสราว 200 คน ได้รับการจัดจ้างงานจากโครงการ Solidarity Sourcing มีการส่งเสริมบทบาทของสตรีในแวดวงวิทยาศาสตร์ โดยมอบทุนสนับสนุนงานวิจัยแก่นักวิทยาศาสตร์หญิงไทยมานาน 22 ปี นอกจากนั้น ในระดับแบรนด์ ลอรีอัล ปารีสยังคงผลักดันโครงการ Stand Up Against Street Harassment ร่วมกับมูลนิธิรักษ์ไทยเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามบนท้องถนนรวมถึงแนวทางป้องกัน เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ดียิ่งขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรมในโครงการนี้มาแล้วกว่า 18,000 คน ด้าน Maybelline New York ก็ได้เปิดตัวโครงการ Brave Together ร่วมกับมูลนิธิสติแอพในการช่วยเหลือการเข้าถึงการปรึกษาปัญหาทางใจ รวมถึง YSL Beauty Thailand เองก็ได้จัดอบรมเกี่ยวกับสัญญาณเตือนความรุนแรงในคู่รักกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เพื่อสร้างความตระหนักรู้ สร้างพลังให้กับผู้หญิง โดยมีผู้เข้ารับการอบรมแล้ว 670 คน

ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย ยังได้เริ่มต้นปี 2567 อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเปิด “Baan Beauté” (บ้านโบเต้) สำนักงานใหญ่แห่งใหม่และศูนย์กลางของลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา โดยสำนักงานแห่งนี้ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Beauty Meets Technology & Sustainability โดยผสมผสานความงามของเส้นสายโค้งมนเข้ากับสีสันสดใสซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเมคอัพ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ทำงานร่วมกันของพนักงานเพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน อีกทั้งยังมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีสุดล้ำที่นอกจากจะช่วยให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังออกแบบมาโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นให้ประหยัดพลังงานและทรัพยากรตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนของลอรีอัลอีกด้วย