หุ่นยนต์จะมาแย่งงานของเราไหม? คอมพิวเตอร์จะฉลาดจนแทนที่มนุษย์ได้หรือเปล่า? แล้วเราจะนำข้อมูลจำนวนมหาศาลมาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง? นี่เป็นคำถามยอดนิยมของยุคนี้ที่ใครๆ ก็อยากรู้คำตอบ โดยเฉพาะเด็กๆ วัยมัธยมศึกษา ผู้กำลังตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเอง
เพื่อช่วยเด็กไทยให้ค้นพบคำตอบของคำถามเหล่านี้ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ได้เปิดตัวนวัตกรรม Samsung Future Career Bootcamp พาเด็กๆ ไปค้นพบเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้งจักรกลอัตโนมัติ (Automation) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) และBig Data ที่จะส่งผลต่ออาชีพการงานของพวกเขาในอนาคต
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซัมซุงได้ส่งเสริมเด็กไทยให้พร้อมก้าวสู่โลกของการทำงาน ผ่านเว็บแอปพลิเคชัน Samsung Career Discovery ‘ค้นพบตัวเอง ค้นพบอาชีพ’ เปิดโอกาสให้เด็กๆ ค้นพบศักยภาพของตัวเอง และค้นพบอาชีพหลากหลายที่น่าสนใจ แต่ในวันที่เทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังเปลี่ยนโลกไปอย่างรวดเร็ว แค่รู้จักตัวเองและรู้จักอาชีพอาจยังไม่เพียงพอ
นายวาริท จรัณยานนท์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม ซัมซุงได้ทราบถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาโดยตลอด และเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะสร้างผลกระทบต่อตลาดงานเป็นวงกว้างในอนา คต ซัมซุงจึงได้นำประสบการณ์จากการพัฒนา Samsung Career Discovery มาพัฒนาต่อยอดเป็น Samsung Future Career Bootcamp ค่ายการเรียนรู้รูปแบบใหม่ ที่จะช่วยให้เด็กและเยาวชนไทยได้รู้จักกับเทคโนโล ยีที่จะเปลี่ยนแปลงโลก ค้นพบตัวเอง ค้นพบอาชีพเป้าหมาย และค้นพบความท้าทายในโลกอนาคต ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ถ้าเด็กๆ ได้เตรียมรับมือตั้งแต่วันนี้ พวกเขาก็จะสามารถคาดการณ์โอกาสทางอาชีพได้อย่างถูกต้อง และมีทักษะพร้อมสำหรับการทำงานร่วมกับนวัตกรรมใหม่ๆ ในวันข้างหน้า”
Samsung Future Career Bootcamp เป็นกิจกรรมฐานการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้คุณครูและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และนักศึกษาระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 จากทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยในกิจกรรม Samsung Future Career Bootcamp มีคุณครู นักเรียน และนักศึกษาเข้าร่วมกว่า 200 คน
เนื้อหาของ Samsung Future Career Bootcamp เจาะลึกไปที่เทคโนโลยีที่กำลังทวีความสำคัญในปัจจุบัน นั่นคือ จักรกลอัตโนมัติที่สามารถทำงานหลายประเภทได้ดีกว่าแรงมนุษย์ ปัญญาประดิษฐ์ที่ได้รับการพัฒนาจนสามารถแก้ปัญหาซับซ้อนได้ดีกว่าผู้เชี่ยวชาญ และ Big Data เทคโนโลยีที่เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ถือเป็นความรู้มีประโยชน์สำหรับเด็กรุ่นใหม่ แต่ยังไม่ได้รับการกล่าวถึงในหลักสูตรการศึกษามากนัก
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่ชวนให้เด็กๆ คิดทบทวนถึงอาชีพในอนาคตของตัวเอง โดยนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาร่วมพิจารณาว่า อาชีพในฝันจะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไรบ้าง หลายคนพบว่า อาชีพที่ฝันไว้อาจไม่มั่นคงในอนาคต เพราะมีโอกาสที่จักรกลอัตโนมัติ หรือปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาทำงานแทน ขณะที่เด็กๆ บางคนก็พบว่า อาชีพที่เป็นเป้าหมายสามารถพัฒนาได้ไกลกว่าที่คิด ถ้านำพลังของเทคโนโลยีมาช่วยเสริม
สิ่งที่เด็กๆ และคุณครูได้เรียนรู้อาจดูเป็นเรื่องยาก แต่บรรยากาศของ Samsung Future Career Bootcamp กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เพราะทางซัมซุงได้นำกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning มาใช้ในการจัดกิจกรรมนี้ เด็กๆ และคุณครูได้ทดลองแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ทำภารกิจร่วมกับเพื่อนๆ ต่างโรงเรียน และแบ่งปันการค้นพบให้ผู้อื่นร่วมรับรู้ วิธีการแบบ Active Learning ไม่เพียงช่วยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน ซึ่งล้วนเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในศตวรรษที่ 21 ด้วย
นางสาวภัทราภรณ์ ลูกน้ำเพชร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนราชินี หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมกล่าวว่า Samsung Future Career Bootcamp ช่วยให้ได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ ที่อาจเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ แต่ก็สามารถนำมาประยุกต์เพื่อพัฒนาการทำงานด้านต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นได้เช่นกัน ที่สำคัญการมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเลือกเส้นอาชีพอีกด้วย
“ชอบกิจกรรมที่ให้วางแผนอาชีพรับมืออนาคตค่ะ ข้อมูลต่างๆ ที่ซัมซุงให้มานั้น เป็นความรู้ที่นำไปสู่อาชีพในอนาคตของหนูได้จริงๆ ค่ะ”
ไม่เพียงเด็กๆ ที่ได้สนุกสนานกับการเรียนรู้ คุณครูก็ได้พบประสบการณ์ใหม่เช่นกัน นางธารารัตน์ โชคเหมาะ ครูโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า เด็กในวัยนี้อาจยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องอาชีพ แต่เมื่อได้ทำกิจกรรม และได้รู้จักเทคโนโลยีใหม่ๆ เด็กๆ จะเริ่มมองเห็นภาพอนาคตของตัวเองชัดเจนยิ่งขึ้น
“รู้สึกคุ้มค่าที่พานักเรียนเดินทางมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ตั้งใจจะนำกระบวนการเรียนรู้กลับไปใช้กับนักเรียนที่โรงเรียนตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.6 พร้อมทั้งนำข้อมูลไปให้เด็กในหลายๆ โรงเรียนได้รับทราบด้วยค่ะ”
กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กๆ ได้คิดถึงความท้าทายที่พวกเขาจะต้องพบเจอในวันข้างหน้า สำหรับในตอนนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะทำนายว่า เทคโนโลยีล้ำสมัยจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของเด็กๆ อย่างไรบ้าง แต่ในฐานะบริษัทที่ทำงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง ซัมซุงเชื่อว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นทั้งความท้าทายและโอกาส ถ้าเด็กๆ มีความรู้ และมีทักษะพร้อมสำหรับโลกอนาคต พวกเขาก็จะสามารถใช้เทคโนโลยีสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่เปลี่ยนโลกของเราให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมได้เช่นกัน