นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลฯ และเป็นหน่วยงานที่ให้บริการหลักในด้านการขนส่งโลจิสติกส์ ขานรับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถซื้อขายสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะสินค้าอุปโภค บริโภคผ่านร้านค้าออนไลน์ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้านในสถานการณ์การที่เชื้อ Covid-19 แพร่กระจายมากขึ้น อีกทั้งเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้หยุดชะงัก ไปรษณีย์ไทยจึงออกบริการ “ยิ้มสู้-19 ส่งสิ่งของเหมาจ่ายราคาประหยัด อัตราค่าบริการชิ้นละ 19 บาทราคาเดียว น้ำหนักสิ่งของฝากส่งสูงสุดไม่เกิน 1 กิโลกรัม/ชิ้น จัดส่งสิ่งของถึงปลายทางภายใน 2-5 วันทำการ สามารถติดตามสถานะสิ่งของได้ พร้อมความคุ้มครองสูงสุด 1,000 บาท/ชิ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) โดยวงเงินเรียกเก็บ ณ ที่อยู่ผู้รับไม่เกิน 30,000 บาท/ชิ้น พร้อม SMS แจ้งผู้รับปลายทางได้ โดยคิดค่าบริการบวกเพิ่มอีก 10 บาท/ชิ้น ซึ่งจะเรียกเก็บจากสินค้าที่เก็บเงินได้แล้วเท่านั้น สามารถใช้บริการได้ทุกที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม – 30 เมษายน 2563

นายก่อกิจ กล่าวเพิ่มว่า นอกจากบริการ “ยิ้มสู้-19 ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคผ่านร้านค้าออนไลน์โดยไม่ต้องกังวลกับค่าส่ง และไม่ต้องออกไปในพื้นที่แออัดที่เสี่ยงต่อการรับเชื้อแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid –19 อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมีมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ Covid-19 ในทุกขั้นตอนของไปรษณีย์ไทย โดยทำความสะอาดจุดสัมผัสทุก 30 นาที มีเจลล้างมือให้บริการทุกที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบนไปรษณียภัณฑ์ทุกชิ้นที่มีต้นทางจากต่างประเทศ เจ้าหน้าที่นำจ่ายตรวจร่างกายทุกวันก่อนออกปฏิบัติงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการทุกคน นายก่อกิจ กล่าวสรุป