นายจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35″ หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ในครั้งนี้ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้จัดเซอร์ไพรส์ใหญ่เอาใจสาวกโมเดิร์นคลาสสิกต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวสองสมาชิกใหม่ล่าสุดของตระกูลบอนเนวิลล์ ได้แก่ “สตรีท ทวิน” (New Street Twin 2019) และ “สตรีท สแครมเบลอร์” (New Street Scrambler 2019) โฉมใหม่ล่าสุดปี 2019 ที่ได้รับการพัฒนาในเรื่องพละกำลังเครื่องยนต์ อุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะเฉพาะมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีชั้นนำ และรายละเอียดการตกแต่งตัวรถที่มีสไตล์สวยงามเฉพาะตัว มาให้คนไทยได้ยลโฉมและสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงจับจองเป็นเจ้าของก่อนใครเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก
นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า เริ่มต้นที่ไฮไลท์แรกสำหรับรถ “สตรีท ทวิน” โฉมใหม่ (The New Street Twin 2019) รถมอเตอร์ไซค์ที่สืบทอดความเป็นต้นแบบแท้จริง โดยเป็นรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกที่จะพาไปสู่ความตื่นเต้นเร้าใจในการขับขี่ที่มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยพละกำลังและประสิทธิภาพของรถที่เพิ่มมากขึ้นอย่างโดดเด่นเห็นได้ชัด มาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์แรงบิดสูง ขนาด 900 ซีซี ที่ผ่านการปรับปรุงพัฒนา ส่งต่อกำลังสูงสุดที่มากกว่าเดิมถึง 10 แรงม้า โดยให้พละกำลังสูงสุดถึง 65 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที พร้อมมอบแรงบิดสูงสุดระดับมหาศาลถึง 80 นิวตันเมตร ที่ 3,800 รอบต่อนาที ผสานกับระบบเก็บเสียงท่อคู่ (Twin Upswept) ที่มอบเสียงของเครื่องยนต์สัญชาติอังกฤษอย่างแท้จริง เข้ากับภาพลักษณ์ของการขับขี่ สตรีท ทวิน ที่สามารถได้ยินและสัมผัสได้เป็นอย่างดี ส่วนด้านคุณลักษณะเฉพาะตัวยังพัฒนาเพิ่มมากขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายและการควบคุมการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เบรกหน้าใหม่จาก Brembo แบบ 4 สูบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกให้ดียิ่งขึ้น โช้คหน้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายมากกว่าเดิม รวมถึงปรับเปลี่ยนท่วงท่าของผู้ขับขี่ให้ขับขี่สบายขึ้นตามหลักสรีรศาสตร์ของผู้ขับขี่ รวมทั้งเพิ่มความสบายของเบาะนั่งทั้งผู้ขับขี่และคนซ้อน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขี่ที่สุดแสนเร้าใจ และเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ที่มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย
สตรีท ทวิน
นอกจากนี้ด้านเทคโนโลยีชั้นนำอันดับหนึ่งจัดหนักจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรก ABS อันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อสร้างความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-wire) ตอบสนองการขับขี่ที่แม่นยำมากขึ้น ระบบการควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิด-ปิดได้ (Traction Control) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการควบคุมรถของผู้ขับขี่ คลัตช์แบบผ่อนแรง (Torque Assist Clutch) เพิ่มระยะทางการขับขี่และเพื่อให้ลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ช่วยทำให้สามารถขับขี่ทางไกลได้นานขึ้น พร้อมโหมดการขับขี่ 2 โหมด ได้แก่ ถนน (Road) และฝนตก (Rain) สำหรับประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดในทุกสภาวะ ไฟท้าย LED ใหม่ที่ติดตั้งลงในชุดไฟท้ายแบบเปลือยที่ดูดีมีสไตล์ ช่วยให้ไฟท้ายมีรูปแบบที่เฉพาะตัวและประหยัดพลังงาน กุญแจพร้อมระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobiliser) ตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด และช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ท USB ใต้เบาะที่นั่ง ตลอดจนอุปกรณ์ตกแต่งเสริมใหม่ เช่น ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS – Tyre Pressure Monitoring System) เพื่อประสบการณ์และความมั่นใจในการขับขี่จริงที่ดีกว่าเดิม เป็นต้น ในขณะที่ด้านรูปลักษณ์มาพร้อมสไตล์เฉพาะตัวร่วมสมัยที่มากกว่าเดิม อาทิ ล้อซี่หล่อขึ้นรูปอะลูมิเนียมลายใหม่ลงรายละเอียด พร้อมการตกแต่งคุณภาพสูงที่ช่วยเพิ่มมิติใหม่ ๆ ให้แก่รถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงโลโก้ของ สตรีท ทวิน แบบใหม่บนแผงด้านข้าง ช่วยเสริมมุมมองที่ดูร่วมสมัยมากขึ้น รวมถึงการอัพเกรดการตกแต่งอุปกรณ์ต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมมากกว่า 140 รายการ ให้สามารถสร้างรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ของผู้ขับขี่ได้ง่ายกว่าที่เคย รวมถึงมีชุดตกแต่งรถสร้างแรงบันดาลใจ 2 ชุด สำหรับใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ขับขี่ที่อยากจะออกแบบ สตรีท ทวิน ในรูปแบบของตัวเอง หรืออยากจะตกแต่งแบบเต็มรูปแบบ ได้แก่ ชุด Urban Ride สไตล์ Stripped back และชุด Café Custom สไตล์เมืองแบบร่วมสมัยอีกด้วย
ทั้งนี้ สตรีท ทวิน” โฉมใหม่ (The New Street Twin 2019) มาพร้อม 3 สีให้เลือกได้แก่ Matt Ironstone, Korosi Red และ Jet Black ราคา 407,000 บาท พร้อมเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 เป็นต้นไป
สตรีท สแครมเบลอร์
ส่วนอีกหนึ่งรุ่นไฮไลท์ของงาน คือ “สตรีท สแครมเบลอร์” โฉมใหม่ (The New Street Scrambler 2019) รถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมอิสระและความสนุกสนานไร้ขีดจำกัด ซึ่งได้รับการพัฒนาไปอีกขั้นทั้งด้านพละกำลัง และประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นอย่างโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด จนก้าวขึ้นเป็นรถระดับชั้นนำอย่างแท้จริง โดยมาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์แรงบิดสูง 900 ซีซี ส่งต่อกำลังสูงสุดที่มากกว่าเดิมถึง 10 แรงม้า สูงสุด 65 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 80 นิวตันเมตร ที่ 3,200 รอบต่อนาที รวมถึงการปรับปรุง ฝาครอบลูกเบี้ยวใหม่ทำจากแมกนีเซียม เพลาข้อเหวี่ยงน้ำหนักเบา เพลาตาย และเพลาถ่วงดุล ฝาครอบคลัตช์ใหม่ และคลัตช์ใหม่น้ำหนักเบา ตลอดจนระบบท่อไอเสียคุณภาพสูง ที่ช่วยส่งมอบเสียงของเครื่องยนต์สแครมเบลอร์อย่างแท้จริง เข้ากับภาพลักษณ์ของการขับขี่ที่เคยได้ยินและสัมผัส ผสานความคล่องแคล่วว่องไว ส่งมอบความตื่นเต้นเร้าใจได้เป็นอย่างดี
ด้านคุณลักษณะ “สตรีท สแครมเบลอร์” โฉมใหม่ มาพร้อมคุณลักษณะเฉพาะตัวที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น โดยได้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งต่อการควบคุมที่แม่นยำพร้อมมอบความรู้สึกปราดเปรียว ด้วยโครงสร้างรถและระบบกันการสั่นสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาผสมผสานกับไดนามิกการขับขี่และสไตล์ อาทิ เบรกหน้า Brembo 4 สูบใหม่พร้อมคาลิปเปอร์ โช้คหน้าใหม่ที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนโครงรถแบบใหม่ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของสแครมเบลอร์ ที่มีแฮนด์บังคับกว้างกว่าเดิม ที่พักเท้าโน้มไปด้านหน้าและล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว ที่มาพร้อมยางรถที่สามารถให้การยึดเกาะเป็นอย่างดีบนพื้นถนนทางเรียบและบนพื้นผิวแบบ Light off-road ตลอดจนตำแหน่งเบาะนั่งที่ต่ำลงทำให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ขับขี่ที่มีส่วนสูงทุกระดับ
ส่วนด้านเทคโนโลยีใหม่ชั้นนำอันดับหนึ่งอัดแน่น ประกอบด้วย โหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ ถนน (Road) ฝนตก (Rain) และออฟโรด (Off-Road) ใหม่ โดยโหมด Road และ Rain จะช่วยปรับแผนที่และการตั้งค่าการควบคุมการยึดเกาะถนน ส่วนโหมด Off-Road ใหม่นี้จะเป็นการปิดระบบ ABS และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Traction Control) โดยสมบูรณ์ ซึ่งสามารถเปิดการใช้งานทั้ง 2 โหมดได้อีกในขณะขับขี่ โดยกดปุ่มโหมดค้างไว้ 1 วินาที ส่วนระบบเบรก ABS ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความปลอดภัย และการควบคุมรถให้กับผู้ขับขี่ได้ดีขึ้น เป็นลักษณะเด่นของ สตรีท สแครมเบลอร์ โฉมใหม่ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถตามเป้าหมายการใช้งานทั้ง 2 แบบที่แท้จริง ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-wire) ตอบสนองการขับขี่ที่แม่นยำมากขึ้น ระบบการควบคุมการยึดเกาะถนน (Traction Control) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการควบคุมรถของผู้ขับขี่ คลัตช์แบบผ่อนแรง (Torque Assist Clutch) เพิ่มระยะทางการขับขี่และเพื่อให้ลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่อันจะช่วยทำให้สามารถขับขี่ทางไกลได้นานขึ้น ไฟท้าย LED ส่องสว่างโดดเด่น กุญแจพร้อมระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobiliser) ตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด และช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ท USB ใต้เบาะที่นั่ง เป็นต้น ในขณะที่ด้านรูปลักษณ์ใช้งานได้มากขึ้นและสวยงามมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น โลโก้แบบร่วมสมัยใหม่ การตกแต่งสไตล์พรีเมี่ยมใหม่ ชุดเบาะนั่งแบบแอดเวนเจอร์ใหม่ และโช้คคู่หน้าที่กว้างขึ้นเพื่อการขับขี่สไตล์สแครมเบลอร์ที่มากกว่าเดิมและการทรงตัวที่ดีขึ้น รวมถึงโดดเด่นด้วยสไตล์ stripped back
ทั้งนี้ “สตรีท สแครมเบลอร์” โฉมใหม่ ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างโอกาสที่สมบูรณ์แบบให้แก่นักบิดทุกคนได้ปรับแต่งรถในแบบฉบับของตัวเอง ด้วยอุปกรณ์เสริมให้เลือกสรรกว่า 120 รายการ จึงทำให้สามารถวิ่งบนเส้นทางออฟโรดได้ รวมทั้งมีสไตล์ของตัวเองเหมาะกับการใช้งานในทุกวัน ตลอดจนการรังสรรค์ชุดแต่งรถสร้างแรงบันดาลใจสุดเร้าใจขึ้นมา เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ขับขี่ที่อยากจะออกแบบ สตรีท สแครมเบลอร์ ในรูปแบบของตัวเอง หรืออยากจะตกแต่งแบบเต็มรูปแบบ ได้แก่ ชุด Urban Tracker สไตล์ Stripped-back ตกแต่งด้วยตัวเองสุดคูล
โดย “สตรีท สแครมเบลอร์” โฉมใหม่ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่สี Fusion white, Cranberry Red และ Khaki Green / Matt Aluminum พร้อมเส้นขอบซึ่งวาดด้วยมือ สี Jet black ราคา 489,000 บาท โดยพร้อมเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 เป็นต้นไป
ขณะที่ภายในงานยังเผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกสายลุยตัวจริงที่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุดอย่าง “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี” (Scrambler 1200 XC) และ “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี’’ (Scrambler 1200 XE) รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสายลุยที่มาพร้อมเครื่องยนต์แรงบิดสูงสูบคู่ขนาด 1,200 ซีซี และเกณฑ์มาตรฐานใหม่ทั้งหมด นำเสนอความสามารถแบบ Dual Purpose และสไตล์การตกแต่งแบบโมเดิร์น พร้อมด้วยคุณลักษณะเฉพาะและเทคโนโลยีชั้นนำรวมถึงรูปลักษณ์ซึ่งหลอมรวมเข้ากับ DNA ของสแครมเบลอร์ของไทรอัมพ์ที่โดดเด่น ตลอดจนความสามารถของรถสไตล์แอดเวนเจอร์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างแท้จริง ที่สำคัญเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลกที่ติดตั้งระบบควบคุมกล้อง GoPro และระบบนำทางแบบ Turn-by–turn ถือเป็นครั้งแรกของรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกยุคใหม่ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น
โดย “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี” (Scrambler 1200 XC) มาพร้อมกับ 2 สีได้แก่ สี Jet Black / Matt Black และสี Khaki Green / Brooklands Green สนนราคาจำหน่ายประมาณการ 613,000 บาท ส่วน “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี’’ (Scrambler 1200 XE) มีให้เลือก 2 สีสุดพรีเมี่ยมเช่นกัน ได้แก่ Fusion White / Brooklands Green และสี Cobalt Blue / Jet Black สนนราคาจำหน่ายประมาณการ 656,000 บาท
อย่างไรก็ตาม นอกจากกรถมอเตอร์ไซค์ไฮไลท์ข้างต้นแล้ว บูธไทรอัมพ์ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ยังขนทัพรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ครบทุกเซกเมนต์ทุกรุ่นมาโชว์และให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์รุ่น สปีดมาสเตอร์ (Speedmaster) ที่ถูกคัสตอมด้วยชุดแต่ง ‘Maverick’ แบบจัดเต็มครบชุดมาโชว์เป็นครั้งแรก พร้อมกันนี้ยังมีโซนเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่ขนมาให้เลือกชมและซื้อกันอย่างจุใจ พร้อมส่วนลดพิเศษสูงสุด 30% ตลอดจนโปรโมชั่นอีกมากมาย พิเศษสุด ๆ สำหรับลูกค้าที่จองรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ทุกรุ่นทุกคันภายในงานเท่านั้นจะได้รับ “Triumph Exclusive Surprise” ลุ้นรับของขวัญเซอร์ไพรส์สุดพิเศษจากไทรอัมพ์อีกด้วย นายจักรพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
โดยผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บูธไทรอัมพ์ G07 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 – วันที่ 10 ธันวาคม 2561 สอบถามข้อมูลติดต่อ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand