ภาวะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ได้สร้างความวิตกกังวลและส่
นายแพทย์ วีรวัฒน์ มโนสุทธิ รองผู้อำนวยการสถาบัน กลุ่มแผนปฏิบัติการชาติฯ สถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า “โรคไข้หวัดใหญ่มักระบาดในหน้าฝน ซึ่งมีความน่ากังวลเพราะอาการแสดงของไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 มีความคล้ายคลึงกันมาก และสามารถแพร่กระจายสู่ผู้อื่นเมื่อมีการไอหรือจามได้เช่นเดียวกัน[4] โดยถึงแม้ในปัจจุบันวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะมีแพร่หลาย แต่พบว่าคนที่ได้รับวัคซีนแล้วยังคงสามารถป่วยจากไข้หวัดใหญ่ได้ เนื่องจากวัคซีนอาจมีประสิทธิภาพเพียง 40-60 เปอร์เซ็นต์[5] ขึ้นกับสายพันธุ์ของไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในแต่ละปี ล่าสุดพบข้อมูลว่าผู้ป่วยติดเชื้อร่วมกันได้ทั้ง 2 โรค ซึ่งลำพังเพียงแค่โควิด-19 ก็เพิ่มภาระงานและส่งผลต่อทรัพยากรทางการแพทย์มากเพียงพอแล้ว เราจึงต้องหาวิธีจัดการกับไข้หวัดใหญ่ในช่วงเวลานี้ให้ไม่ซ้ำเติมกันเข้าไปอีก”
การติดเชื้อทั้งสองโรคในเวลาเดียวกันหรือ co-infection จะเป็นการเพิ่มความรุนแรงของโรค ซึ่งเป็นอันตรายในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ โดยการศึกษาที่สหรัฐอเมริกาและจีนพบว่าการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่นๆร่วมกันได้สูงถึง 20[6] และ 80 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ และการติดเชื้อร่วมกับโควิด-19 กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ พบเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ[7] ที่น่าตกใจกว่านั้นคือการติดเชื้อร่วมกันนั้นเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงถึง 29-55 เปอร์เซ็นต์[8]
“อาการที่เข้าเกณฑ์การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ประกอบด้วย ไข้สูง 38-40 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และร่างกายอ่อนเพลีย หากพบว่ามีอาการดังกล่าวผู้ป่วยควรรีบพบแพทย์ โดยเฉพาะในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ซึ่งยาต้านไวรัสมีประโยชน์ในการบรรเทาอาการของไข้หวัดใหญ่ได้ภายใน 2.3 ถึง 4 วัน[9],[10] ลดความเสี่ยงการเกิดโรคแทรกซ้อน และช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปสู่คนใกล้ชิดได้ด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลาที่ทุกคนกักตัวในบ้านกับครอบครัวขณะนี้ โดยยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่จะมีประสิทธิผลที่ดีที่สุดเมื่อรับประทานภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากมีอาการ[11] และในปัจจุบันมีทางเลือกยาต้านไวรัสหลายชนิด ทั้งชนิดรับประทาน และสูดดมทางจมูกให้เลือกใช้ โดยจะต้องคำนึงถึงทั้งประสิทธิผลและความปลอดภัยไปพร้อมกัน” นายแพทย์ วีรวัฒน์ กล่าวเสริม
ปัจจุบัน การรับมือของการแพร่ระบาดของเชื้
เกี่ยวกับ โรช – มุมมองด้านโรคติดต่อ
โรคติดต่อที่มีแหล่งกำเนิดมาจากไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยทั่วโลก ซึ่งทำให้มีความต้องการทางการแพทย์ที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น โรช จึงได้ก่อตั้งหน่วยงานหลักในการทำวิจัยและพัฒนาขึ้น โดยมีโปรแกรมการพัฒนาทางคลินิกซึ่งมุ่งเน้นไปที่การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบี โรคไข้หวัดใหญ่ และยาหลากหลายแขนงเพื่อต้านการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรีย โรช มุ่งมั่นที่จะพัฒนายาเพื่อให้เกิดความเป็นเลิศ ให้การบำบัดรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และทุกคนสามารถเข้าถึงได้
เกี่ยวกับ โรช
โรช เป็นบริษัทชั้นนำของโลกที่เป็นผู้พัฒนาวิธีการรักษาแบบพุ่งเป้าออกฤทธิ์เฉพาะที่ควบคู่กับการตรวจวินิจฉัยโรค โดยมุ่งเน้นไปที่การผลักดันความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์เพื่อมอบชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วย การที่โรชผนวกรวมการศึกษาวิจัยทางยาที่ล้ำสมัยเข้ากับการวินิจฉัยโรคภายใต้บริษัทเดียวกัน ทำให้โรชเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการมอบการรักษาที่ถูกต้องให้กับผู้ป่วยแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
โรช เป็นผู้นำอันดับหนึ่งของโลกในเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพ (ไบโอเทค) ซึ่งมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการไขความกระจ่างเรื่องสาเหตุการเกิดโรคในระดับโมเลกุล มีการวิจัยและพัฒนายาในด้านวิทยามะเร็ง ภูมิคุ้มกันวิทยา โรคติดเชื้อ จักษุวิทยา และประสาทวิทยา นอกจากนี้ โรช ยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านงานวินิจฉัยโรคผ่านระบบการตรวจวินิจฉัยโรคในห้องปฏิบัติการ การวินิจฉัยโรคมะเร็งในระดับเนื้อเยื่อ รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และระบบบริหารจัดการการดูแลภาวะเบาหวาน
ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2439 โรช มุ่งมั่นในการคิดค้นหนทางในการป้องกัน วินิจฉัย และรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อม ๆ กับมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนให้กับผู้คนในสังคม บริษัทยังมุ่งเน้นในการเข้าถึงนวัตกรรมความเป็นเลิศของยารักษาโรคและยกระดับชีวิตของผู้ป่วย โดยการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบัน มียาจำนวน 30 ชนิดที่พัฒนาขึ้นโดยโรชที่ได้รับการบรรจุอยู่ในรายการยาจําเป็นที่แนะนําโดยองค์การอนามัยโลก (World Health Organization Model Lists of Essential Medicines) เช่น ยาปฏิชีวนะรักษาชีวิต, ยาต้านมาลาเรีย และยาเคมีบำบัด เป็นต้น โรชยังได้รับการยอมรับให้เป็นบริษัทที่มีความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยา จาก ดัชนีชี้วัดความสำเร็จขององค์กรที่ยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices) เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีติดต่อกัน
สำนักใหญ่ของ โรช กรุ๊ป ตั้งอยู่ที่ บาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีสำนักงานตั้งอยู่มากกว่า 100 ประเทศ ในปี พ.ศ. 2560 โรช มีพนักงานกว่า 94,000 คนทั่วโลก และในปีเดียวกัน โรช ได้ลงทุนให้กับการวิจัยและพัฒนาไปกว่า 10.4 พันล้านฟรังก์สวิส และมียอดจำหน่ายถึง 53.3 พันล้านฟรังก์สวิส นอกจากนี้ โรชยังได้ผนวกรวมเจเนนเทคในสหรัฐฯ เข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่ม โรช กรุ๊ป และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของชูไกในญี่ปุ่น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.roche.com