โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ได้เปิดตัวรถยนต์คอลเลกชันพิเศษล่าสุด “เรธ อีเกิล 8 (Wraith Eagle VIII)” ณ งาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este ปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 24-26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ริมทะเลสาบโคโม ประเทศอิตาลี ทีม Bespoke Collective ของโรลส์-รอยซ์ ได้สรรสร้างเรธ อีเกิล 8 ให้เป็นยนตรกรรมที่สืบสานและถ่ายทอดเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของเหตุการณ์ควรค่าแก่การจารึกที่สุดในศตวรรษที่ 20
กัปตันจอห์น อัลค็อก (Captain John Alcock) และร้อยโทอาร์เธอร์ บราวน์ (Lieutenant Arthur Brown) ปฏิบัติภารกิจเหินเวหาบนน่านฟ้าที่ยังไม่เคยมีใครได้สำรวจมาก่อน คือการบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกแบบไม่หยุดพักได้สำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2462 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับเซอร์เฮนรี รอยซ์ กัปตันอัลค็อกและร้อยโทบราวน์บินต่อเนื่องจากเซนต์จอห์นส์ นิวฟาวด์แลนด์ ไปถึงคลิฟเดน ไอร์แลนด์ ด้วยอากาศยานดัดแปลงจาก Vickers Vimy ซึ่งถูกใช้ทิ้งระเบิดระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เครื่องบินปีกคู่ถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 ทวิน 20.3 ลิตร 350 bhp ซึ่งยานยนต์ในคอลเลกชันล่าสุดได้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของเครื่องยนต์อันทรงพลังนี้เอง โรลส์-รอยซ์เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีแห่งเกียรติภูมินี้ ด้วยคอลเลกชันอันร่วมสมัยที่สามารถเข้าถึงนักผจญภัยในยุคปัจจุบัน โดยในขณะเดียวกันก็แสดงออกถึงการให้เกียรติและระลึกถึงเหล่าบุคคลผู้เปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์
“ผมบอกไม่ถูกเลยว่าประทับใจอะไรมากที่สุด – ระหว่างความมุทะลุ ความมุ่งมั่น ทักษะ ความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ เครื่องบิน เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ หรือโชคของพวกเขา” เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลได้กล่าวไว้ หลังการเดินทางอันห้าวหาญที่นำความก้าวหน้าเกินหยั่งถึงมาสู่ยุคศตวรรษที่ 20
กัปตันอัลค็อกและร้อยโทบราวน์ได้สร้างตำนานและกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่พิเศษที่สุดในโลกเทียบเคียงโดนัลด์ แคมป์เบล, ซีบีอี (Donald Campbell, CBE) บุคคลเหล่านี้เป็นผู้ก้าวข้ามขีดจำกัดความพยายามของมนุษย์เดิมๆ เพื่อสร้างสถิติใหม่ๆ ที่แทบเป็นไปไม่ได้ทั้งบนบก ในน้ำ และในอากาศ โดยสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีร่วมกันก็คือพลังแห่งโรลส์-รอยซ์
นักบินทั้งสองต้องฝ่าฟันทุกความท้าทายเท่าที่นักบินคนหนึ่งจะพบเจอได้ โดยเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 เป็นส่วนประกอบเพียงหนึ่งเดียวที่พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่ง เครื่องยนต์นี้เป็นดังขุมกำลังในการเดินทางทางอากาศด้วยความเร็วที่เหนือคาดโดยเฉลี่ย 115 ไมล์ต่อชั่วโมง อุปสรรคและอันตรายที่พวกเขาพบเจอนั้นก็เกินที่จะประเมินได้ วิทยุและเครื่องมือนำทางของพวกเขาขัดข้องและใช้งานไม่ได้ในแทบจะทันที ทำให้ทั้งสองต้องบินยามค่ำคืนโดยปราศจากความช่วยเหลือผ่านหมู่เมฆทึบและหมอกอันหนาวเย็นยาวนานหลายชั่วโมง ในบางครั้งก็ต้องบินกลับหัว จนในท้ายที่สุดพวกเขาก็หลุดพ้นจากกลุ่มเมฆ และอาศัยความเชี่ยวชาญด้านทิศทางอันเป็นเลิศของร้อยโทบราวน์ บินผ่านหมู่ดาวไปสู่ชายฝั่งของไอร์แลนด์ได้สำเร็จ
มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส กล่าวว่า “เรธ อีเกิล 8 เป็นการแสดงความเคารพต่อวีรชน และเป็นตัวละครเอกของเหล่าผู้มีวิสัยทัศน์ในปัจจุบัน คอลเลกชันล่าสุดของโรลส์-รอยซ์นี้แสดงให้ประจักษ์ถึงความชำนาญอันเหนือชั้นของทีม Bespoke Collective ของเราที่ Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด เวสต์ ซัสเซกซ์ ยนตรกรรมสั่งผลิตพิเศษหรือ Bespoke ยังคงเป็นเพชรยอดมงกุฎของแบรนด์ ซึ่งรังสรรค์สินค้าลักซ์ชัวรีที่สวนกระแสของแมสลักซ์ชัวรีทั่วไปที่ไม่สามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
ภายนอกยนตรกรรมเรธ อีเกิล 8 คอลเลกชัน เป็นการรำลึกถึงการผจญราตรีของกัปตันอัลค็อกและร้อยโทบราวน์ สีกันเมทัลตัดด้วยสีเซลบี เกรย์ (Selby Grey) ซึ่งโทนสีเหล่านี้ถูกแบ่งส่วนโดยเส้นสายทองเหลือง สื่อนัยยะถึงรายละเอียดที่อยู่ด้านใน กระจังสีดำด้านหน้าได้รับอิทธิพลอย่างแจ่มชัดจากเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 ที่ถูกติดตั้งอยู่บนเครื่องบินทิ้งระเบิด Vickers Vimy ส่วนของล้อรถยนต์ถูกเคลือบเงาเป็นบางส่วนด้วยโทนสีเทาเข้ม
ภายในตัวรถ การตกแต่งที่มีความบรรจงสะท้อนเฉดสีภายนอก หนังสีเซลบี เกรย์ (Selby Grey) และสีดำถูกแต่งขอบด้วยทองเหลือง สื่อถึงกลิ่นอายของเครื่องวัดระยะทางหาเส้นรุ้งและเส้นแวงทองเหลืองซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกในครั้งนั้น ภายใต้การออกแบบที่ร่วมสมัย วัสดุทองเหลืองถูกใช้ในบริเวณสำคัญทั่วทั้งส่วนที่นั่งคนขับ ลำโพงหุ้มทองเหลืองแสดงระยะทางโดยประมาณกว่า 1,880 ไมล์ของไฟล์ทบินในตำนาน นอกจากนั้นโมโนแกรม ‘RR’ ยังถูกตกแต่งด้วยด้ายสีทองเหลืองบนที่วางแขน ความสว่างไสวของทองเหลืองช่วยเติมเต็มช่องใส่ของบริเวณประตู ในขณะที่ประตูด้านคนขับถูกตกแต่งด้วยแผ่นเหล็กสลักถ้อยแถลงของเชอร์ชิลต่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของนักบินทั้งสอง
ด้วยแรงบันดาลใจจากไฟล์ทบินยามราตรีของวีรบุรุษผู้กล้าหาญ แผงหน้าปัดด้านหน้ารถเปรียบดังวิวทิวทัศน์ซึ่งนักบินทั้งสองได้มีโอกาสชื่นชมในท้ายที่สุดเมื่ออากาศยานของพวกเขาบินฝ่าหมู่เมฆหมอกหนาออกมาได้ ด้วยเทคนิคและวิธีการที่ร่วมสมัยผสมผสานกับขนบแบบดั้งเดิม ไม้ยูคาลิปตัสรมควันผ่านการชุบสุญญากาศเป็นสีทองก่อนจะถูกนำไปเลี่ยมกับเงินและทองแดง เพื่อถ่ายทอดรายละเอียดอันสวยงามของภาพพื้นผิวโลกยามค่ำคืนเมื่อมองจากเบื้องบน การตกแต่งนี้ทอดยาวไปจนถึงคอนโซลกลาง มอบประสบการณ์ทางอารมณ์อันน่าดื่มด่ำให้แก่ผู้ครอบครองยานยนต์ ส่วนที่นั่งคนขับมีความสอดคล้องกับเพดานรถ ทางด้านล่างส่วนข้างของกลางตัวรถบุและเย็บด้วยด้ายทองเหลือง สื่อถึงเครื่องบิน Vickers Vimy เครื่องยนต์ V12 ได้อย่างชัดเจน
นาฬิกาในยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์มักถูกเปรียบเป็นเครื่องประดับอันมีค่าชิ้นหนึ่ง ลูกค้าหลากหลายท่านเลือกพื้นที่ขนาดกะทัดรัดส่วนนี้ในการบอกเล่าเรื่องราวยานยนต์ของพวกเขา เรธ อีเกิล 8 ก็เช่นกัน ผู้บุกเบิกที่กล้าหาญของเราพบว่าแผงหน้าปัดอุปกรณ์ของพวกเขาแทบกลายเป็นน้ำแข็งเนื่องจากระดับความสูงและสภาพอากาศอันย่ำแย่ แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนั้น มาจากแสงสีเขียวของแผงควบคุมและประกายไฟจากเครื่องยนต์กาบขวาของตัวเครื่องบิน
และเพื่อรำลึกต่อวีรกรรมดังกล่าว แผนก Bespoke Collective ของโรลส์-รอยซ์ได้ประกอบตัวนาฬิกาเข้ากับพื้นผิวที่ตกแต่งลูกเล่นเป็นน้ำแข็งอย่างอัจฉริยะ แสงสีเขียวเรืองรองส่องสว่างเมื่อขับขี่ในยามกลางคืน เข็มชั่วโมงสีแดงราวเข็มของเข็มทิศได้แรงบันดาลใจมาจากลวดลายเส้นสายบนแผงหน้าปัดนาฬิกา ในขณะที่พิกัดสถานที่ลงจอดอากาศยานถูกสลักไว้ด้านล่าง
ส่วนประกอบที่ทรงเสน่ห์ที่สุดของคอลเลกชันนี้คือเพดานห้องโดยสารที่สวยงามด้วยแสงดาว Starlight Headliner เส้นใยนำแสงไฟเบอร์ 1,183 จุด แสดงถึงตำแหน่งของดวงดาวบนฟากฟ้าในช่วงเวลาของไฟล์ทบินในปี 2462 เส้นทางบินและหมู่ดาวต่างๆ ถูกถักร้อยด้วยเส้นด้ายทองเหลือง โดยเรื่องราวของชั่วขณะที่นักบินทั้งสองบินฝ่าหมูเมฆเพื่อใช้ดวงดาวนำทาง ถูกบอกเล่าผ่านเส้นใยนำแสงไฟเบอร์สีแดง ส่วนประกอบอย่างก้อนเมฆถูกตกแต่งลวดลาย นอกจากนั้นยังมีแผ่นเหล็กที่มีข้อความ “The celestial arrangement at the halfway point 00:17am June 15th 1919, 50” 07’ Latitude North – 31” Longitude West” เพื่อแสดงจุดครึ่งทางของการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์นี้
ด้วยความตระหนักถึงความนิยมชมชอบของประชาชนชาวไทยต่อหัตถศิลป์อันวิจิตรประณีต ยนตรกรรมเรธ อีเกิล 8 คอลเลกชันจำนวน 1 คัน จากจำนวนจำกัดเพื่อการสะสมทั้งหมดเพียง 50 คันทั่วโลก จะเปิดให้ลูกค้าในประเทศไทยผู้มีความหลงไหลในความหรูหราและมีสายตาอันเฉียบคมได้ครอบครอง และเฉกเช่นเดียวกับยานยนต์เรธ อีเกิล 8 ทุกคัน ยนตรกรรมคันดังกล่าวจะถูกประกอบขึ้นด้วยมือ ณ Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด เวสต์ ซัสเซกซ์ ศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในการผลิตยนตรกรรมลักซ์ชัวรีระดับโลก
นายสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก มีความยินดีที่ประเทศไทยได้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในตลาดที่ได้จำหน่ายยนตรกรรมคันดังกล่าว “วัฒนธรรมไทยนั้นให้ความสำคัญกับทักษะทางหัตถศิลป์มาโดยตลอด และลูกค้าของเราก็มีความชื่นชอบงานฝีมือที่สวยงามและการสั่งผลิตพิเศษตามรสนิยมเฉพาะบุคคล เรธ อีเกิล 8 จึงเป็นดังการเฉลิมฉลองให้กับศิลปะของการสั่งผลิตพิเศษ และจะกลายเป็นดาวเด่นของคอลเลคชันพิเศษทั้งหมดอย่างแน่นอน”
หากท่านต้องการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับยนตรกรรมเรธ อีเกิล 8 โปรดติดต่อโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก โทร 02 670 6060