บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ประกาศปรับอัตราค่าบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ หรือ EMS ในประเทศ สำหรับสิ่งของฝากส่งที่มีพิกัดน้ำหนัก ตั้งแต่ 3 – 20 กิโลกรัม เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดขนส่งและกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป
ดร.พรชัย ฐีระเวช รองประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย ได้ประกาศปรับอัตราค่าบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS ในประเทศ เพื่อตอกย้ำการเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจขนส่ง ซึ่งคณะกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มีนโยบายให้ไปรษณีย์ไทยพัฒนาและยกระดับคุณภาพบริการ ก้าวสู่การเป็นไปรษณีย์ไทย 4.0 รวมทั้งต้องสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ รักษาฐานลูกค้า สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ลดต้นทุนการส่งสินค้า และช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายในการฝากส่ง ตลอดจนสร้างความคึกคักแก่เศรษฐกิจโดยรวมประเทศ ซึ่งบริการขนส่งด่วนในประเทศ มีการแข่งขันสูงและมีการเติบโตโดยเฉลี่ยใน 2 – 3 ปีนี้ ประมาณ 18% ซึ่งบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS ของไปรษณีย์ไทยเป็นบริการหลักที่สร้างรายได้และมีปริมาณงานสูง และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไปรษณีย์ไทย จึงจำเป็นจะต้องรักษาและเพิ่มลูกค้าใหม่
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย จะปรับอัตราค่าบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS ในประเทศ เริ่มตั้งแต่การส่งที่มีพิกัดน้ำหนัก 3 กิโลกรัมถึง 20 กิโลกรัม โดยราคาที่ปรับลดเริ่มต้นที่ 5 บาท และลดสูงสุดที่ 115 บาท โดยมีผลวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถใช้บริการได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ บริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ ถือเป็นบริการที่สร้างรายได้และมีอัตราการเติบโตของปริมาณงานสูงขึ้นในทุกๆ ปี เนื่องจากเหมาะสำหรับผู้ต้องการส่งสิ่งของด่วนที่มีน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม และนำจ่ายถึงมือผู้รับทุกพื้นที่ปลายทางทั่วไทยใน 1-2 วันทำการ
ไปรษณีย์ไทย ยังคงปักธงเดินหน้าพัฒนาในทุกระบบปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานการให้บริการ และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการสูงสุด เพื่อตอกย้ำศักยภาพการทำงานของไปรษณีย์ไทย ในฐานะไปรษณีย์ไทย เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย อย่างแท้จริง นางสมร กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th